รัฐช่วยเกษตรกร ติดตั้งโซลาเซลล์ให้ ลดค่าใช้จ่าย

  วันที่ 15 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่จังหวั...


 วันที่ 15 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี และได้รับทราบถึงปัญหารายจ่ายค่าไฟฟ้าของพี่น้องเกษตรกร ที่ใช้ในการปั๊มน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดในทุกพื้นที่การเกษตร ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานได้มีนโยบายทำโซล่าเซลล์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งจะนัดประชุมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ เพื่อทำให้ประชาชนสามารถมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ มีค่าไฟที่เหมาะสม ผ่านนโยบายการติดตั้งโซลาเซลล์ แต่ระหว่างนี้อาจะมีปัญหาอยู่บ้าง ต้องดำเนินการแก้ไข ด้วยการช่วยลดค่าใช้ค่าไฟควบคู่ขนานไปพร้อมกัน

โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับทราบถึงปัญหารายจ่ายค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการสูบน้ำเข้าสู่ที่นามีราคาแพงมาก ตกไร่ละประมาณ 500 บาท นายกรัฐมนตรีจึงขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปดูแลร่วมกันในการพัฒนาโครงการสูบน้ำด้วยพลังแสงอาทิตย์ให้สัมฤทธิ์ผล

ซึ่งนโยบายต่อไปของรัฐบาล จะพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อสูบน้ำเข้าที่นา ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการเกษตร อย่างไรก็ตามระหว่างการดำเนินโครงการขอให้กระทรวงพลังงาน พิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าเพื่อสูบน้ำเป็นกรณีพิเศษให้พี่น้องชาวนา

ขณะทางด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รวมทั้งสิ้น 437,340 ล้านบาท เพื่อมุ่งเน้นนโยบายสำคัญ และขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยมีเป้าหมายให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี (2567-2570) ซึ่งดำเนินการภายใต้ภารกิจ 9 ประเด็น กำหนดวงเงิน 357,276 ล้านบาท ได้แก่

1.การจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกร

2.การจัดทำข้อมูลเกษตรกร/แปลงเกษตรกรในระบบดิจิทัล

3.การส่งเสริมฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน

4.การบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อการเกษตร

5.การผลักดันสินค้าเกษตรมูลค่าสูง

6.การส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็ง

7.การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

8.การเปลี่ยนแปลงของสภาวะสิ่งแวดล้อม และ

9.การทำงานและการวิจัยภายใต้กรอบความร่วมมือ

ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของกระทรวงเกษตรฯ วงเงินรวมจำนวน 120,699 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยคาดว่าจะมีการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ประมาณเดือน เมษายน 2567

You Might Also Like

0 comments